วันตรุษจีน ต้องมีการจุดประทัด เชิดสิงโต วันนี้เรามีบทความการจุดประทัด เชิดสิงโต ต้อนรับวันตรุษจีน มาฝาก
ประวัติความเป็นมาของการจุดประทัดในวันตรุษจีนนั้น เกิดขึ้นเมื่อในอดีตมีคนช่างคิดนำดินระเบิดใส่เข้าไปในบ้องไม้ไผ่เล็ก ๆ แล้วจุดไฟ จนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว คราวนี้บรรดาลูกเล็กเด็กแดงเมื่อได้ฟัง ก็พากันร้องไห้จ้าละหวั่น สุนัขสัตว์เลี้ยงทั้งหลายต่างพากันวิ่งหนีกันอลหม่าน จึงทำให้คนคิดว่า เสียงดังปัง ๆ ของประทัดจะสามารถไล่ตัว "เหนียน" ไปได้
ส่วนเจ้าตัว "เหนียน" นั้นชาวจีนมีความเชื่อว่า เป็นสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งที่มีร่างกายใหญ่โต มีลักษณะคล้ายวัวผสมกับแรด แถมยังมีนิสัยดุร้าย และมักออกหากินช่วงเวลากลางคืน ในวันที่อากาศหนาว ๆ เนื่องจากวันที่มีอากาศหนาวนั้นชาวบ้านจะมานั่งผิงไฟ หรือปิ้งย่างอาหารกันกลางหมู่บ้าน และเมื่อเจ้าเหนียนสัตว์ร้ายเห็น ก็จะรีบกระโจนมาแย่งอาหาร แต่ทันใดนั้นเอง กองไฟที่ทำจากไม้ไผ่ก็เกิดประกายไฟ แตกปะทุดังเปรี้ยงปร้าง เป็นเหตุให้เจ้าเหนียนหวาดกลัวและวิ่งหนีไปในที่สุด ส่วนชาวบ้านบางกลุ่มก็เชื่อว่า เจ้าเหนียนกลัวสีแดงของประกายไฟ จึงได้นำผ้าแดง และกระดาษแดง มาเขียนตัวอักษรถ้อยคำที่เป็นสิริมงคล ติดไว้ตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ เพื่อให้เหนียนเห็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งนี้ การเขียนกระดาษแดงก็เป็นที่นิยม และเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากชาวจีนจะเชื่อว่า
"เหนียน" นั้นเป็นสัตว์ร้ายแล้ว คำว่า "เหนียน"
ยังพ้องเสียงกับคำศัพท์ที่แปลว่า "ปี" ซึ่งคนจีนจะเชื่อว่า ช่วงสิ้นปีนั้น
อากาศจะหนาวเย็นจัด ผู้คนมักไม่สบายกันมาก เพราะเจ้าตัวเหนียนออกอาละวาด
ทั้งนี้การจุดประทัดเสียงดัง ก็น่าจะไล่เจ้าตัวเหนียน โรคภัยไข้เจ็บ
และความอัปมงคลไปได้ ส่วนคนจีนบางกลุ่มก็เชื่อว่า
การจุดประทัดนั้นเป็นการเรียกโชค ส่วนบางกลุ่มก็บอกว่า
เป็นการจุดเพื่อให้เทพเจ้าได้ยิน
ท่านจะได้มาช่วยคุ้มครองให้ชาวจีนอยู่เย็นเป็นสุข
การเชิดสิงโต หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "ไซ่จื้อบู่" นั้น ถือว่าเป็นการละเล่นที่เป็นสัญลักษณ์ของวันตรุษจีนเลยทีเดียว โดยเฉพาะชาวจีนตอนเหนือ และชาวจีนตอนใต้ ที่มักจะเชิดสิงโตในวันที่มีงานแห่เจ้า หรือพิธีเซ่นสังเวยขอฝน
ส่วนประวัติความเป็นมาที่ชาวจีนจะต้องเชิดสิงโตในวันตรุษจีนนั้น มีบันทึกของราชวงศ์ทางตอนเหนือและทางตอนใต้ในช่วง พ.ศ. 850-1132 ระบุว่า ชาวบ้านได้นำหัวสิงโตมาสวมใส่และเชิดเพื่อไล่ผีร้าย ที่ชาวบ้านต่างพากันเชื่อว่า จะลงมากินผู้ชายและสัตว์เลี้ยง จึงก่อเกิดเป็นความเชื่อว่า ถ้าเชิดสิงโตแล้วจะสามารถไล่ภูตผีปีศาจได้ จึงได้ปฏิบัติกันเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานับตั้งแต่บัดนั้น
สำหรับการเชิดสิงโตในวันตุรษจีน จะมีกลุ่มชายรูปร่างแข็งแรงเดินเชิดสิงโตเพื่อขอเงินบริจาค โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มคนที่เล่นดนตรีประกอบ และกลุ่มคนที่สวมหัวสิงโต ชุดสิงโต และคนที่ใส่หัวแป๊ะยิ้มถือพัด จากนั้นก็จะเดินผ่านไปยังถนนหนทางหมู่บ้าน พอชาวบ้านได้ยินเสียงกลอง ก็จะนำซองอั่งเปามาแขวนไว้บนยอดไม้สูง ๆ ซึ่งกลุ่มคนเชิดสิงโตก็จะต้องปีนหรือต่อตัวขึ้นไปหยิบซองดังกล่าว นับว่า เป็นประเพณีที่สนุกสนาน และน่าตื่นเต้นมากทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก : educatepark.com
- วิธีไหว้เทพเจ้าโชคลาภ ไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย รับตรุษจีน
- การจัดโต๊ะไหว้เจ้าตรุษจีน เฮง เฮง เสริมสิริมงคลรับปีใหม่
- เช็กแคลอรีในขนมไหว้ตรุษจีน กิน 1 ชิ้น ต้องวิ่งเบิร์นกี่นาที ?
- เฮง ๆ รวย ๆ มาอวยพรวันตรุษจีนกันดีกว่า
- สิ่งมงคลคู่เทศกาลตรุษจีน ติดตัวไว้ดีมีแต่เฮง
- แนะ 8 เรื่องควรทำวันตรุษจีน
ในวันตรุษจีนเรามักจะได้ยินเสียงประทัดดังมาแต่ไกล
หรือถ้าไปในย่านชุมชนเราก็จะได้ชมการแสดงเชิดสิงโตจากศาลเจ้าต่าง ๆ ด้วย
โดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ชาวจีนสืบทอดกันมา
เอ... ว่าแต่ว่า ทำไมชาวจีนจึงต้องจุดประทัด
และเชิดสิงโตในช่วงวันตรุษจีนกันด้วยล่ะ
วันนี้กระปุกดอทคอมก็ขอนำเรื่องราวธรรมเนียมของชาวจีนมาฝากกัน ไปดูกันซิว่า
การจุดประทัด และเชิดสิงโตในวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน จะมีความเชื่อ
และความหมายอย่างไรกันบ้าง
การจุดประทัด
ประวัติความเป็นมาของการจุดประทัดในวันตรุษจีนนั้น เกิดขึ้นเมื่อในอดีตมีคนช่างคิดนำดินระเบิดใส่เข้าไปในบ้องไม้ไผ่เล็ก ๆ แล้วจุดไฟ จนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว คราวนี้บรรดาลูกเล็กเด็กแดงเมื่อได้ฟัง ก็พากันร้องไห้จ้าละหวั่น สุนัขสัตว์เลี้ยงทั้งหลายต่างพากันวิ่งหนีกันอลหม่าน จึงทำให้คนคิดว่า เสียงดังปัง ๆ ของประทัดจะสามารถไล่ตัว "เหนียน" ไปได้
ส่วนเจ้าตัว "เหนียน" นั้นชาวจีนมีความเชื่อว่า เป็นสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งที่มีร่างกายใหญ่โต มีลักษณะคล้ายวัวผสมกับแรด แถมยังมีนิสัยดุร้าย และมักออกหากินช่วงเวลากลางคืน ในวันที่อากาศหนาว ๆ เนื่องจากวันที่มีอากาศหนาวนั้นชาวบ้านจะมานั่งผิงไฟ หรือปิ้งย่างอาหารกันกลางหมู่บ้าน และเมื่อเจ้าเหนียนสัตว์ร้ายเห็น ก็จะรีบกระโจนมาแย่งอาหาร แต่ทันใดนั้นเอง กองไฟที่ทำจากไม้ไผ่ก็เกิดประกายไฟ แตกปะทุดังเปรี้ยงปร้าง เป็นเหตุให้เจ้าเหนียนหวาดกลัวและวิ่งหนีไปในที่สุด ส่วนชาวบ้านบางกลุ่มก็เชื่อว่า เจ้าเหนียนกลัวสีแดงของประกายไฟ จึงได้นำผ้าแดง และกระดาษแดง มาเขียนตัวอักษรถ้อยคำที่เป็นสิริมงคล ติดไว้ตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ เพื่อให้เหนียนเห็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งนี้ การเขียนกระดาษแดงก็เป็นที่นิยม และเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
การเชิดสิงโต
การเชิดสิงโต หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "ไซ่จื้อบู่" นั้น ถือว่าเป็นการละเล่นที่เป็นสัญลักษณ์ของวันตรุษจีนเลยทีเดียว โดยเฉพาะชาวจีนตอนเหนือ และชาวจีนตอนใต้ ที่มักจะเชิดสิงโตในวันที่มีงานแห่เจ้า หรือพิธีเซ่นสังเวยขอฝน
ส่วนประวัติความเป็นมาที่ชาวจีนจะต้องเชิดสิงโตในวันตรุษจีนนั้น มีบันทึกของราชวงศ์ทางตอนเหนือและทางตอนใต้ในช่วง พ.ศ. 850-1132 ระบุว่า ชาวบ้านได้นำหัวสิงโตมาสวมใส่และเชิดเพื่อไล่ผีร้าย ที่ชาวบ้านต่างพากันเชื่อว่า จะลงมากินผู้ชายและสัตว์เลี้ยง จึงก่อเกิดเป็นความเชื่อว่า ถ้าเชิดสิงโตแล้วจะสามารถไล่ภูตผีปีศาจได้ จึงได้ปฏิบัติกันเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานับตั้งแต่บัดนั้น
สำหรับการเชิดสิงโตในวันตุรษจีน จะมีกลุ่มชายรูปร่างแข็งแรงเดินเชิดสิงโตเพื่อขอเงินบริจาค โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มคนที่เล่นดนตรีประกอบ และกลุ่มคนที่สวมหัวสิงโต ชุดสิงโต และคนที่ใส่หัวแป๊ะยิ้มถือพัด จากนั้นก็จะเดินผ่านไปยังถนนหนทางหมู่บ้าน พอชาวบ้านได้ยินเสียงกลอง ก็จะนำซองอั่งเปามาแขวนไว้บนยอดไม้สูง ๆ ซึ่งกลุ่มคนเชิดสิงโตก็จะต้องปีนหรือต่อตัวขึ้นไปหยิบซองดังกล่าว นับว่า เป็นประเพณีที่สนุกสนาน และน่าตื่นเต้นมากทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก : educatepark.com
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ของไหว้ตรุษจีน ไหว้เจ้าที่ มีอะไรบ้าง- วิธีไหว้เทพเจ้าโชคลาภ ไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย รับตรุษจีน
- การจัดโต๊ะไหว้เจ้าตรุษจีน เฮง เฮง เสริมสิริมงคลรับปีใหม่
- เช็กแคลอรีในขนมไหว้ตรุษจีน กิน 1 ชิ้น ต้องวิ่งเบิร์นกี่นาที ?
- เฮง ๆ รวย ๆ มาอวยพรวันตรุษจีนกันดีกว่า
- สิ่งมงคลคู่เทศกาลตรุษจีน ติดตัวไว้ดีมีแต่เฮง
- แนะ 8 เรื่องควรทำวันตรุษจีน